บทที่ 9 การเชิญชวน

ดวงตาเรียวเล็กของหญิงวัยกลางคนมองเนี่ยหยวนซู สตรีนางนี้ใบหน้างามหมดจด แต่ไม่รู้เหตุใดถึงได้มีไอแห่งความกระหายแค้นแผ่ซ่านผ่านดวงตากลมโตคู่สวย และก่อนหน้านั้นจิ่งป๋อบอกว่า นางขวัญกล้าเทียมฟ้าถึงขั้นลงไม้ลงมือกับจิ่งหลัวคุน ทำให้เขามีแผลหลายแห่งบนใบหน้า และเรื่องที่น่าละอายอย่างที่สุดในคืนเข้าหอ นางร้องโหยหวนราวกับสตรีแพศยาหรือไม่ก็หญิงโสเภณีชั้นต่ำ จนคนได้ยินไปทั้งจวนจิ่ง เรื่องเหลวไหลเช่นนี้เป็นเหตุให้ซ่งหยูชุนแทบกระอักเลือด นั่นจึงเป็นสาเหตุให้นางถือศีล กินผลไม้และเก็บตัวเงียบ ด้วยไม่อยากพบหน้านางจิ้งจอกเก้าหาง แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็เพียรอยากยกน้ำแกงมาให้ดื่มโดยอ้างถึงความกตัญญู

“ฮึ ชื่อมันสูงส่งเช่นนั้น ไฉนข้าจะกล้าดื่ม เก้าชั้นยอดฟ้า น้ำแกงเช่นนี้ควรส่งเข้าวังหลังถวายพระพันปีเป็นสิ่งที่สมควรที่สุด”

นั่นคือการปฏิเสธน้ำแกงตรงหน้า ด้วยนางสิงห์เฒ่าเกรงกลัวว่า ลูกสะใภ้อาจวางยาพิษ!

คิ้วเรียวสวยที่วาดแต่งอย่างงดงามของเนี่ยหยวนซูเลิกขึ้นทั้งสองข้าง และริมฝีปากแดงชาดที่เคลือบสีวามวาวด้วยน้ำมันชนิดพิเศษบิดคว่ำลง กิริยานั้นดูอย่างไรก็คือการแสดงความเย้ยหยัน!

พอนางเห็นว่าซ่งหยูชุนมองกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์ หญิงสาวจึงเอ่ยว่า

“ท่านแม่ ลูกสะใภ้เพียงแต่อยากปรนนิบัติท่าน เช้าวันแรกหลังจากเข้าหอกับท่านแม่ทัพร่างกายข้าไม่อำนวยให้เดินเหิน แล้วสองสามวันต่อมา บ่าวและสาวใช้ที่ท่านช่วยจัดแจงส่งไปยังเรือนหลังเล็ก ๆ ของข้า มีจำนวนมากเหลือเกิน กว่าจะคัดเลือกคนที่เหมาะสม แล้วที่เหลือก็ส่งคืนให้พ่อบ้าน ต้องใช้เวลาจนล่วงเลยมาถึงตอนนี้ ดูเอาเถิด ลูกสะใภ้ก็เหมือนนกหลงทางที่มาอาศัยจวนจิ่งอันยิ่งใหญ่ หลบฝนหลบแดด แต่กว่าจะมีโอกาสทำดีเพื่อท่านแม่ เวลาล่วงผ่านมาจนยามสายวันนี้”

คำพูดเนี่ยหยวนซูทำให้ทั้งแม่และลูกชายอึ้ง ฝ่ายจิ่งป๋อมองหญิงสาวคนนี้ อายุนางไล่เลี่ยเขาแต่ฝีปากไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าเป็นการแสดงงิ้วชั้นเยี่ยมได้เลย

“พี่สะใภ้ ท่านช่างเจรจายิ่ง พี่ใหญ่ข้าคงไม่เหงา!”

จิ่งป๋อผู้อยู่ฝ่ายมารดา เขาเป็นผู้ชายหน้าเปื้อนยิ้มเสมอและหน้าตาดี ซึ่งกระเดียดไปทางงามแบบบุรุษล่มเมือง ผิดแต่ไม่ชอบงานด้านบู๊ ส่วนด้านบุ๋นก็ไร้ทักษะ แต่หากให้ร้องรำทำเพลงหรือวาดภาพ เขานับว่าเลื่องชื่อทีเดียว

“โอ้ คุณชายสาม ตัวข้าอย่างที่บอก ต้องพึ่งทุกคนในจวนจิ่งอีกนาน แค่ปรุงน้ำแกงเช่นนี้นับว่าเล็กน้อย เอาละ ท่านแม่ก็ดื่มสิเจ้าคะ ช้าเดี๋ยวเย็นชืด ส่วนคุณชายสามไม่ต้องห่วง ข้าย่อมเตรียมของดีไว้ให้ท่านเช่นกัน”

เนี่ยหยวนซูเอ่ยจบ จึงหันไปกระดิกนิ้วเรียกฝานเหอ จากนั้นถ้วยอาหารบนถาดไม้ที่มีฝาครอบมาวางลงตรงหน้าจิ่งป๋อ

“ข้างในนี้ คือน้ำแกงเช่นกัน ของท่านแม่เป็นแกงใส แต่ของคุณชายสาม คือแกงข้น เรียกว่าน้ำแกงเห็ด กินคู่กับแป้งอบกรอบ สมควรซดตอนร้อน ๆ รับรองว่าอิ่มท้อง ทั้งยังช่วยให้อารมณ์ดี”

เมื่อหญิงสาวเปิดฝาปิดน้ำแกงเห็ดข้นออก กลิ่นที่หอมอ่อน ๆ ก่อนหน้าก็ลอยฟุ้ง ทำให้จิ่งป๋อนิ่งค้าง ส่วนซ่งหยูชุนถึงกับกลืนน้ำลาย เนื่องจากอาหารถ้วยดังกล่าว คือ ซุปครีมเห็ด กินกับขนมปังอบ

“ท่านแม่...หากอยากลองชิม น้ำแกงเห็ดข้นอาจไม่เหมาะกับท่าน ข้าคิดว่าน้ำแกงเก้ายอดชั้นฟ้าซึ่งเป็นน้ำใสดีที่สุดสำหรับผู้สูงวัย เชื่อข้าเถิด ข้าดูแลผู้สูงอายุมาหลายคนแล้ว!”

เนี่ยหยวนซูกล่าวจบก็ใช้สายตากลมโต จับจ้องทั้งแม่สามีและจิ่งป๋อ เป็นการเชิญชวนให้ดื่มด่ำอาหารที่นางตั้งใจปรุงขึ้น เพื่อเลี้ยงส่งบรรดารุ่นพี่ในจวนจิ่ง!

เชามี่ไม่ได้ตรงไปที่เรือนไท่ฮูหยินอย่างที่นางตั้งใจตอนแรก ด้วยบ่าวอีกคนที่นางให้คอยสอดส่องอยู่หน้าประตูใหญ่ รีบเข้ามารายงานว่าวันนี้จิ่งหลัวคุนกลับมาจากไปราชการนอกเมืองและตอนนี้อยู่ที่เรือนหลักของเขา

หญิงสาวเปลี่ยนชุดคลุมตัวนอก เลือกเสื้อผ้าเบาบาง และแต้มสีปากอ่อน ๆ ให้น่ามอง เน้นอ่อนเยาว์ดั่งดรุณีไร้เดียงสา ไม่ใช่แดงดั่งเลือดเฉกเช่นนางจิ้งจอกเก้าหาง จากนั้นก็ตรงไปยังเรือนของจิ่งหลัวคุน

“ท่านแม่ทัพ...ผู้น้อยอนุเชา...มีเรื่องร้อนใจเหลือเกิน”

ด้วยรู้ว่าตนเป็นคนโปรดของจิ่งหลัวคุน นางจึงส่งเสียงหวานหยดออกไป ทั้งที่เกอสวินแจ้งว่าชายหนุ่มต้องการพักผ่อน

“ท่านแม่ทัพ ยามนี้นายหญิงใหญ่กำลังก่อเรื่องนะเจ้าคะ” นางร้องขึ้นอีกหน พอรู้ว่าข้างในยังเงียบ จึงใช้แผนขั้นสูงด้วยการแสร้งเซเสียหลักแล้วค่อย ๆ ล้มลงไปกองบนพื้น

“โอ้ นายหญิงเชา...ใครก็ได้ ช่วยที” อ้ายเหมยเข้าไปประคองนายของตน ปากก็ร้องเสียงดังว่า

“โถ เพราะเป็นห่วงไท่ฮูหยิน อีกทั้งข้าวปลาไม่ได้กิน เช่นนี้นายหญิง เชาเลยไม่มีแรง นางช่างน่าสงสารจริง ๆ สวรรค์โปรดเห็นใจความกตัญญูของสตรีผู้นี้ด้วยเถิด”

แต่เดิมจิ่งหลัวคุนไม่อยากสนใจเรื่องในจวนจิ่ง ทว่าเมื่อเนี่ยหยวนซู แต่งเข้ามาแล้ว ย่อมต้องดูว่านางวางตัวเหมาะสมหรือไม่ ที่สำคัญมารดาเขานั้น แม้นางไม่ใช่ผู้ให้กำเนิดจิ่งหลัวคุน มีศักดิ์เป็นแม่เล็ก หากนางคือสตรีที่บิดาเลือกและยกให้เป็นฮูหยินใหญ่ นางเพียบพร้อมทั้งชาติตระกูล มีความรู้ความสามารถ เมื่อมารดาเขาจากไป ซ่งหยูชุนจึงกลายเป็นไท่ฮูหยินแห่งจวนหลังนี้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป